ต้อง Social Distancing ระดับไหน เมื่อต้องกลับไปใช้ชีวิตนอกบ้านอีกครั้ง

เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนและยารักษาโรคโดยตรง

เชื้อไวรัสยังสามารถแพร่ระบาดระหว่างคนที่อยู่ใกล้ชิดกันในระยะ 1 เมตร ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค

และมาตรการที่ดีที่สุดในการป้องกันและควบคุมวิกฤตนี้ก็คือ ‘การมีระยะห่างทางสังคม’ หรือ Social Distancing

 

ระยะห่างทางสังคม คืออะไร

ระยะห่างทางสังคม คือ การอยู่ห่างจากผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใกล้ชิด และสัมผัสกับผู้อื่น

หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชนสาธารณะ เพื่อป้องการกระจายเชื้อและการติดเชื้อจากการจามและไอของผู้ที่มีเชื้อ

และลดการติดต่อระหว่างเครือญาติ เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือที่โรงเรียนนั้นจะช่วยลดการแพร่เชื้อไวรัสในสังคมเป็นอย่างมาก

โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาสาธารณสุขได้ทำการปิดสถานศึกษาแล้วเปลี่ยนการเรียนการสอนมาเป็นออนไลน์

ปิดสถานที่ทำงานบางแห่งแล้วเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็น Work at home

ยกเลิกงานเทศกาลต่างๆ และจำกัดเวลาในการออกจากบ้านไปสู่พื้นที่สาธารณะ

แต่เมื่อชีวิตจะต้องกลับมาดำเนินตามปกติอีกครั้ง ในวันที่ไวรัสยังไม่หายไป แต่สถานที่บางแห่งเปิดให้บริการ

บางคนต้องกลับไปทำงานโดยต้องใช้รถโดยสารสาธารณะ เราจะต้องทำตัวอย่างไร ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมแค่ไหนถึงจะ

ปลอดภัย  วันนี้ SUPERDRY เอาคำแนะนำดีๆมาฝากกันครับ

 

 

 

 

 

ข้อแนะนำในการทำ Social Distancing เมื่อต้องกลับมาใช้ชีวิตปกติ

  1. ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกนั้น การเว้นระยะห่างระหว่างตัวเรากับผู้อื่น แม้ไม่มีอาการไอจาม

      ก็ควรรักษาความห่างอยู่ที่อย่างน้อย 1 เมตร- 1 เมตรครึ่ง  เพราะไวรัสนั้นสามารถติดต่อได้ผ่านละอองขนาดเล็กที่มาจากการไอ

      หรือจามได้ ซึ่งถ้าหากอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปเราก็อาจจะสูดเอาไวรัสเข้าร่างกายได้

 

   2. หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน หรือการใช้ขนส่งสาธารณะ และ Work From Home หรือการทำงานที่บ้านแทน

    ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ แต่พนักงานบางกลุ่มนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทาง

    โดยขนส่งสาธารณะที่มีความแออัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนได้ ซึ่งเป็นที่ที่มีโอกาสสูงในการติดเชื้อ

    ควรสวมใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันไวรัสได้ และล้างมือด้วยเจลแอกฮอลล์ทุกครั้งหลังสัมผัส บันได ราวต่างๆ

    ดังนั้นการให้พนักงาน Work From Home ก็เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อที่ดีทั้งภายในบริษัทและนอกบริษัทเช่นกัน

    และเมื่อธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไปภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่

    สะดุด จำเป็นต้องอาศัยดิจิทัลเวิร์กสเปซที่ปลอดภัย รองรับการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา และบนทุกอุปกรณ์

   บริษัทควรให้พนักงานเข้าถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นขององค์กรได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถประหยัดเวลาทำงานได้ถึง 17%

   ซึ่งทำให้พวกเขามีเวลาสำหรับพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรมากขึ้น

 

 

 3.การเรียนการสอนผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มหาลัยหรือสถานศึกษาต่าง ๆ

    สามารถนำมาใช้ได้เพื่อป้องกันการระบาดภายในมหาลัยและห้องเรียน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้มี

   แพลตฟอร์มต่าง ๆ มารองรับการเรียนแบบระยะไกล เช่น Zoom, Microsoft Teams และ Google Hangout

  4.  การออกกำลังกาย แม้เราจะสามารถออกไปออกกำลังกายในช่วงที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ เพื่อลดการติดต่อกับคนอื่น

    ให้เหลือน้อยที่สุด เช่นการออกไปเดิน วิ่งจ็อกกิ้ง หรือขี่จักรยานกลางแจ้ง เพราะยิ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดโปร่งมากเท่าไหร่

    ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อก็จะน้อยลงเท่านั้น และหากออกกำลังกายที่บ้านได้ก็ควรทำ เช่นการใช้แอพลิเคชั่น

    หรือดู VIDEO STREAM ออกกำลังกายแทน

 

5. เรายังควรใช้บริการส่งสินค้าทางออนไลน์ หรือบริการส่งอาหารอยู่ เพราะมันเป็นวิธีการที่ดีในการสร้างระยะห่างทางสังคม

    ทั้งนี้ ช่วงเวลาในการรับส่งสินค้าที่ดีคือ 5 วินาที โดนการสั่งสิ่งของและอาหารให้มาส่งที่บ้านอาจทำให้เราลดความเสี่ยง

   ที่จะติดเชื้อได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีความเสี่ยงในการออกไปข้างนอกหรือจากผู้มาส่งอยู่ดี

   เพราะฉะนั้นควรปกป้องตัวเองด้วยการไปล้างมือ หรือแแจ้งให้พนักงานวางสิ่งของไว้หน้าบ้านแทนการรับของโดยตรงได้

   แม้จริงอยู่ที่เชื้อโคโรนาไวรัสไม่สามารถแพร่ผ่านอาหารได้ แต่สิ่งที่เราต้องระมัดระวังคือการสัมผัสพื้นผิวต่างๆ

   เช่น เครื่องปรุง  หีบห่อ  ที่อาจผ่านการจับของคนจำนวนมาก ดังนั้น เราจึงควรล้างมือหรือใช้เจลเช็ดมือทั้งก่อนและหลังการจับ

 

 

 

การที่เราจะช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

รวมถึงตัวเราเองที่ต้องคอยป้องกันตัวเอง และการมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม การ Social Distancing นั้นเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ

อีกทางหนึ่งที่จะให้เราปลอดภัยจากไวรัสนี้ได้ และควรตระหนักและปฎิบัติทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน

 

 Credit
องค์การอนามัยโลก